วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

5 มิ.ย.วันสิ่งแวดล้อมโลก



ทุกวันนี้เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งแวดล้อมของโลกกำลังตกอยู่ในภาวะ วิกฤติ...ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม เห็นได้ชัดจากสภาพอากาศที่แปรปรวนผิดปกติ ร้อนมาก หนาวมาก และฤดูกาลต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงปัญหาโลกร้อนที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น...ซึ่งเป็นสัญญาณ บ่งบอกและกระตุ้นให้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกันอย่าง จริงจังเสียที....!

ความเปลี่ยนแปลงทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ (UN) จึงกำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็น "วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day)" และได้มีการสถาปนาวันสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นครั้งแรก ปี พ.ศ. 2515 โดยในปีนี้ได้กำหนดให้มีคำขวัญว่า "ความหลากหลายทางชีวภาพ กู้วิกฤติชีวิตโลก (Many Species One Planet One Future)"

สำหรับประเทศไทยเอง ก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการตรากฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมขึ้นในปี 2518 เป็นฉบับแรก เรียกว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พุทธศักราช 2518 ต่อมาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติฯ ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ.2521 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ.2522 ต่อมาในสมัยรัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน ได้มีร่างพระราชบัญญัติฯ ขึ้นใหม่ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2535 เรียกว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กรมควบคุมมลพิษ และกรมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเห็นความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม


และจากการสำรวจของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง "ความคิดเห็นของประชาชนกับสิ่งแวดล้อมในวันนี้" ช่วงระหว่างวันที่ 2-3 มิถุนายน ที่ผ่านมา พบว่า มีประชาชนถึง 55.06% ที่ไม่ทราบว่า วันที่ 5 มิถุนายน คือวันสิ่งแวดล้อมโลก ขณะที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกที่ประชาชนคิดว่ารุนแรงที่สุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย ภาวะโลกร้อน อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น 68.22% การเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่าไม้ ถูกทำลาย 8.80% ปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่น การปล่อยควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ไฟไหม้ป่า ภูเขาไฟระเบิด 8.80% และปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศที่รุนแรงมากที่สุดในความเห็นของคนไทย 3 อันดับแรก คือ ภาวะโลกร้อน อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น 27.26% การเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่าไม้ ถูกทำลาย 20.72% และปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่น ควันจากการจราจร โรงงานอุตสาหกรรม ไฟไหม้ป่า 20.25%

นอกจากนี้ยังมองว่าโอกาสและความเป็นไปได้ที่โลกจะเกิดภัยพิบัติทาง ธรรมชาติครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ มีสูงถึง 31.39% ที่เชื่อว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ค่อนข้างมาก เพราะมีเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้งในรอบปี สภาพอากาศที่แปรปรวน ร้อนจัด เกิดอุทกภัยอย่างหนักทั่วโลก

วิกฤติสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่า ใครคนใดคนหนึ่ง จะสามารถแก้ไขได้ ดังนั้น การจะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ... ด้วยการช่วยกันประหยัดทรัพยากรที่อยู่รอบ ๆ อย่างน้ำ ไฟ ควรใช้อย่างคุ้มค่า ช่วยกันลดปริมาณขยะ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า และไม่ทำสิ่งใดที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ทางน้ำ และทางเสียง รวมทั้งช่วยกันปลูกป่า ปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโลกของเรา

เพียงเท่านี้ ก็สามารถช่วยให้สิ่งแวดล้อมที่ดี อยู่กับเราไปได้อีกนาน...^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น