วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

บริเวณที่มีอากาศหนาวที่สุดในโลก



บริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นมากที่สุดในโลกนั้น ได้แก่ ทวีปแอนตาร์กติก ซึ่งวัดอุณหภูมิได้ต่ำกว่า -89.2 องศาเซลเซียส จากการที่มีการเขียนบันทึกเอาไว้ในปี ค.ศ.1983

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันสหกรณ์แห่งชาติ

วันสหกรณ์แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ของทุกปี สืบเนื่องมาจากสหกรณ์ในประเทศต่าง ๆ เจริญก้าวหน้าส่งผลดีในการพัฒนาประเทศ สำหรับประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2458 นโยบายแห่งรัฐ เห็นสมควรนำวิธีการสหกรณ์ เข้ามาช่วยพัฒนาประเทศให้ประชาชนได้หลุดพ้นจากความยากจน โดยเฉพาะเกษตรกร

พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย ได้ทรงส่งเสริมให้ก่อตั้งสหกรณ์แห่งแรกคือ สหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จำกัดสินใช้ ณ ตำบลวัดจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก และทรงเป็นนายทะเบียนสหกรณ์(พระองค์แรก) รับจดทะเบียนเป็นสหกรณ์แห่งแรก เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2459 ตามรูปแบบสหกรณ์ เครดิตแบบไรฟ์ไฟเซน ที่ได้รับความสำเร็จ มาแล้วใน อินเดีย และพม่า ซึ่งทั้งสองประเทศได้ส่งคนไปศึกษาจากประเทศเยอรมนี และเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น "วันสหกรณ์แห่งชาติ "

ความเป็นมาของสหกรณ์ในประเทศไทย

สหกรณ์ ถือกำเนิดมาจากปัญหาในปลายสมัยรัฐกาลที่ 5 ระยะแรก การสหกรณ์ในประเทศไทยเริ่มต้นด้วยการทดลองจัดตั้งสหกรณ์ประเภทหาทุนขึ้นใน ปีพ.ศ.2459 การจัดตั้งสหกรณ์ในระยะแรกจึงดำเนินไปอย่างช้าๆ จนถึงสิ้น ปีพ.ศ.2470 ซึ่งเป็นเวลา 12 ปี นับตั้งแต่เริ่มนำสหกรณ์เข้ามาในประเทศไทย ได้มีการจัดตั้งสหกรณ์ประเภทนี้ขึ้นมาเพียง 81 สมาคมเท่านั้น ซึ่งจัดตั้งอยู่ใน 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก ลพบุรีและอยุธยา โดยมีเงินทุนให้กู้ยืมเพียง 300,000 บาทเศษ เมื่อเป็นที่ประจักษ์ว่าสหกรณ์เป็นสิ่งที่สามารถจัดทำได้สำเร็จ จึงประกาศใช้ พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2471 ขึ้น และจัดหาทุนมาให้กู้ยืมมากขึ้น หลังจากนั้น 5 ปี ได้มีการขยายสาขาออกไปได้อีก 7 จังหวัด

เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 การสหกรณ์จึงได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมสหกรณ์ มีการจัดตั้งสหกรณ์ประเภทอื่นๆ ขึ้น เช่น สหกรณ์ออมทรัพยร์ สหกรณ์ที่ดิน ร้านสหกรณ์ ต่อมาสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ขยายงานสหกรณ์จากระดับกรมขึ้นมาเป็นระดับกระทรวง เมื่อปี พ.ศ.2495 ระยะอยู่ตัว หลังจากปี พ.ศ.2497 อัตราการขยายตัวของสหกรณ์ลดลงเนื่องจาก เป็นระยะที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสหกรณ์มาก่อน จนไม่สามารถจะดูแลให้ทั่วถึง ในขณะเดียวกันกระทรวงสกหรณ์ถูกยุบไปรวมกับกระทรวงการพัฒนาการแห่งชาติ ขาดกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพ

การเปลี่ยนแปลงของสหกรณ์คือ มีการยุบกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2515 ซึ่งมีผลทำให้กรมสหกรณ์ทีดิน กรมสหกรณ์พาณิชย์และธนกิจ และสำนักงานปลัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติเดิม ถูกยุบมารวมเป็น "กรมส่งเสริมสหกรณ์" เพียงกรมเดียว ส่วนกรมตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ยังคงอยู่ในฐานะเดิมเพราะงานตรวจสอบบัญชีเป็นงานอิสระ

ผลการดำเนินงานทางสหกรณ์ในธุรกิจต่างๆ ได้รับความเชื่อถือเป็นที่ไว้วางใจของสมาชิกจนทำให้จำนวนสหกรณ์ จำนวนสมาชิก ปริมานเงินทุน และผลกำไรของสหกรณ์เพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบันสหกรณ์ ทั่วประเทศ ณ วันที่ 1 มกราคม 2542 ประมาณ 5,549 สหกรณ์ และสมาชิก 7,835,811 ครอบครัวของสหกรณ์ในประเทศไทยจึงมี ความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ของประเทศโดยเฉพาะต่อประชาชนที่ยากจน สหกรณ์จะเป็นสถาบันทางเศรษฐกิจและสังคมที่ช่วยแก้ไขปัญหาในการประกอบอาชีพ และช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชานให้ดีขึ้น

รัฐและขบวนการสหกรณ์ไทยได้ร่วมจัดงาน "วันสหกรณ์แห่งชาติ" ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาคุณขององค์ผู้ให้กำเนิด"สหกรณ์" พระองค์ท่านไม่ใช่เป็นเพียงผู้รับจดทะเบียนเท่านั้น แต่เป็น "พระบิดาแห่งสหกรณ์ไทย" ยังเป็นผู้ปูพื้นฐานและทรงเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่และจัดตั้งขยายกิจการ การสร้างความผาสุกแก่ประชาชนเพื่อการกินดีอยู่ดี เป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญ



วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เลือกชาให้ถูกใจ

มีสิ่งหนึ่งที่ชาร้อนหอมกรุ่นเหมือนกันกับไวน์ นั่นก็คือมันมีหลากหลายชนิดให้เลือกจนคุณอาจนึกไม่ออกว่าควรจะเลือกอะไรดี

ชา, ชาดำ, ชาอูหลง, ชาเขียว, ชาขาว, ชาสมุนไพร

ความหลากหลายของชาขึ้นอยู่กับความแตกต่างของดินและแหล่งเพาะปลูกเหมือนที่รส ชาติของไวน์ขึ้นอยู่กับความแตกต่างขององุ่นแต่ละสายพันธุ์ และดินที่ปลูกในแต่ละแหล่งที่ชามีสายพันธุ์ที่หลากหลายถึง ๑,๕๐๐ ชนิด ซึ่งให้รสที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้ว ชาอาจแบ่งได้เป็น ๕ ประเภท ซึ่งให้กลิ่นและรสแตกต่างกัน การเลือกของคุณจึงขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรจากชามากกว่า

ชาดำ นี่ เป็นชาที่คนดื่มกันมากที่สุด มันผลิตจากใบชาที่ถูกเก็บและหมักบ่ม ก่อนจะเอาไปตากแห้ง ชาดำมีทั้งที่มาจากอินเดีย จีน ศรีลังกา และแอฟริกา และส่วนใหญ่ถูกนำมาผสมใหม่เพื่อให้ได้กลิ่น รส และความเข้มข้นแตกต่างกันไป อย่างเช่น
- ดาร์จีลิ่ง ปลูกบนพื้นที่เชิงเขาหิมาลัย ให้รสอ่อนเบา สดชื่น ที่เจือรสเปรี้ยวฝาดเล็กน้อย
- อัสสัม มาจากอินเดียตอนเหนือ มีกลิ่นและรสเข้มข้น เหมาะเป็นชาสำหรับดื่มยามเช้า
- ซีลอน ให้กลิ่นและรสที่สดใส
- เอิร์ลเกรย์ เป็นชาดำที่ผสมกับน้ำมันเบอร์การม็อตเล็กน้อย เพื่อให้รสอมเปรี้ยวและสดชื่นขึ้น

ชาอูหลง เป็น ชาที่มีการบ่มน้อยกว่าชาดำ รสชาติสุขุม ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนและไต้หวัน บางครั้งมีการอบด้วยกลิ่นกุหลาบหรือมะลิ อูหลงมีคาเฟอีนน้อยกว่าชาดำ และมากกว่าชาเขียวเล็กน้อย

ชาเขียว เป็นชาเก่า แก่ที่สุดในกระบวนชาทั้งหลาย เนื่องจากมีบันทึกการผลิตที่ย้อนหลังไปได้อย่างน้อย ๕,๐๐๐ ปี เป็นชาที่ไม่มีการหมักบ่มทำให้มีรสอ่อนจางกว่าชาอื่น

ชาขาว เป็นชาที่ผ่านกระบวนการน้อยที่สุดในกระบวนชาทั้งหลาย ทำจากยอดใบชาอ่อนที่เก็บก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นและรสบางเบามาก จนเกือบจะเจือหวานเล็กน้อย และมีคาเฟอีนน้อยที่สุดในกระบวนชาทั้งหลาย

ชาสมุนไพร เรา มักเรียกว่า ชา แต่จริงๆ แล้วไม่มีส่วนผสมของใบชาเลย แต่เป็นส่วนผสมของสมุนไพรดอกไม้ หรือใบไม้แห้งหลายชนิด ทำให้มักมีสรรพคุณในการเยียวยาด้วย เช่น ช่วยย่อยทำให้นอนหลับสบาย เป็นต้น และปราศจากคาเฟอีน

ชงชาให้อร่อย
- เทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาเล็กน้อย เพื่อให้มันอุ่นขึ้นก่อนใช้ใส่ชา
- ชาดำ ใช้น้ำที่เดือดปุดๆ เทลงบนใบชาทันที คนเล็กน้อยและทิ้งเอาไว้ถึงห้านาทีตามความชอบ
- ชาเขียว ควรปล่อยให้น้อที่เดือดพล่านเย็นลงสักครู่ก่อนเทลงบนใบชา ชาเขียวญี่ปุ่นควรทิ้งไว้ใช้เวลาหนึ่งหรือสองนาที ขณะที่ชาเขียวจากจีนต้องใช้เวลาสามถึงสี่นาที
- ชาขาว ไม่ควรใช้น้ำเดือดเช่นกัน และควรทิ้งไว้ตั้งแต่ ๓ ถึง ๑๐ นาที ขึ้นกับประเภทของชา คุณสามารถชงใบชาขาวราคาแพงซ้ำได้ถึงสองสามครั้ง แค่แช่ใบชาทิ้งไว้ให้นานขึ้นในแต่ละครั้ง
- ชาดำเหมาะแก่การเติมนมมากกว่าชาชนิดอื่น เพราะนมจะทำให้รสของชาดำละมุนละไมขึ้น ซึ่งบางคนนิยมเติมนมลงไปก่อนรินชาหรือไม่ก็หลังจากนั้น แต่การเติมนมทีหลังจะทำให้คุณได้ปริมาณนมที่เหมาะสมกับความเข้มของชามากกว่า แต่นมอาจทำลายรสชาติของชาเขียวและชาขาวที่รสอ่อนเบากว่าได้

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ



วันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันที่ประเทศไทยมีการกระจายเสียงทางวิทยุเป็นครั้งแรก โดยมีความเป็นมาดังนี้

กิจการวิทยุกระจายเสียงในประเทศไทยมีมาตั้งแต่ พ.ศ.2470 ด้วยพระดำริของ พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และโทรคมนาคม พระองค์ทรงดำริตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้น เมื่อพ.ศ.2471 โดยสั่งเครื่องส่งกระจายเสียงคลื่นสั้นเข้ามาทดลอง และให้อยู่ในความควบคุมของช่างวิทยุ กรมไปรษณีย์โทรเลข ตั้งสถานีที่ตึกที่ทำการไปรษณีย์ปากคลองโอ่งอ่าง ตำบลวัดราชบูรณะเป็นครั้งแรก ใช้ชื่อสถานีว่า "4 พีเจ" (HS 4 PJ)

ต่อมาได้มีการประกอบเครื่องส่งคลื่นขนาดกลาง 1 กิโลวัตต์ ขึ้น ทำการทดลองที่ตำบลศาลาแดงใช้ชื่อสถานีว่า "หนึ่ง หนึ่ง พีเจ" (HS 11 PJ) ซึ่งการใช้ชื่อสถานีว่า "พีเจ" ในยุคนั้น ย่อมาจากคำว่า "บุรฉัตรไชยากร" อันเป็นพระนามเดิมของพระองค์ท่านนั่นเอง

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2473 ซึ่งตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคล ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงเปิดการส่งวิทยุเป็นปฐมฤกษ์ โดยใช้ชื่อสถานีว่า “สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท” (Radio Bangkok at Phyathai) ตั้งอยู่ที่วังพญาไท มีกำลังส่ง 2.5 กิโลวัตต์

พิธีเปิดสถานีกระทำโดยอัญเชิญกระแสพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เข้าไมโครโฟนถ่ายทอดไปตามสาย เข้าเครื่องส่งแล้วกระจายเสียงสู่พสกนิกร นับเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุในประเทศไทย

ต่อมา วันที่ 1 มกราคม 2484 กรมโฆษณาการ (เปลี่ยนชื่อมาจากสำนักงานโฆษณาการ) ได้เปลี่ยนชื่อเรียกสถานีวิทยุจากเดิม "สถานีวิทยุกรุงเทพฯที่พญาไท" หรือ Radio Bangkok at Phyathai เป็น สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย หรือ Radio Thailand มีฐานะเป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Banana Story

กล้วย, Banana, ผลไม้, กล้วยน้ำว้า, กล้วยนมสาว, กล้วยนากค่อม

เคยไหม...กับต้นไม้ที่เราเห็นประจำหรือคุ้นเคย เรากลับไม่ค่อยใส่ใจใคร่ปลูกกันเท่าไหร่ อย่างต้นกล้วยนั่นไง นับเป็นต้นไม้ลำดับแรกๆ ที่เราหยิบจับใบ ลำต้น มาทำงานประดิษฐ์ตามที่ครูสั่งตั้งแต่ประถม หรือแม้แต่ผลสุกที่แม่เราบดให้กินตั้งแต่เล็กๆ เอ๊ะหรือว่าเด็กสมัยนี่เขาไม่กินกล้วยบด ไม่มีวิชางานฝีมือกันแล้ว

รู้จักกันก่อน
กล้วยมีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจริยเติบโตได้ดีในเขตที่ร้อนชื้น ช่วยรักษาสภาพความชุ่มชื้นในดินได้ดี จัดเป็นไม้ล้มลุกในสกุล Musa ใบแบนยาวใหญ่ เรียกว่าใบตอง บางสายพันธุ์นำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ก้านใบตอนล่างเป็นกาบยาวหุ้มห่อซ้อนกันเป็นลำต้น ออกดอกที่ปลายลำต้นเป็นเป็นปลีและมีความยาวเป็นงวง มีลูกเป็นหวี รวมเรียกว่า เครือ

พรรณไม้ในตระกูลกล้วย เราสามารถนำมาปลูกประดับในสวนได้หลากหลายสายพันธุ์ บ้างปลูกเพื่อความสวยงามหรือปลูกเพื่อรับประทานผล นิยมปลูกกล้วยเป็นไม้ประธานในสวนขนาดเล็ก หรือปลูกเป็นแนวแถว เป็นแนวรั้วในสวน

ปัจจัยในการปลูก
ดิน ดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี
น้ำ เช้า-เย็น หรือควรดูผิวหน้าของดินปลูก
แสงแดด เต็มวัน
ปุ๋ย ปุ๋ยคอกใส่เมื่อต้นเจริญเติบโตเต็มที่ หรือใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15

กล้วยน่าปลูก รสชาติดี
* กล้วยนากค่อม ลำต้นสูงเต็มที่ 3 เมตร กาบลำต้นด้านนอกมีสีเขียวปนชมพู-แดง ผลมีขนาดใหญ่ เมื่อสุกมีสีแดงอมม่วงสดใส ก้านผลสั้น เนื้อเหลือง หอมเย็นรสหวาน แต่กลายพันธุ์ได้ง่าย
* กล้วยนมสาว เป็นกล้วยพื้นเมืองทางภาคเหนือ กาบใบสีชมพูอมแดง เมื่อสุกรสชาติ หอมหวาน นิยมใช้รับประทางกับข้าวเหนียวมูนแทนมะม่วง แต่ให้หน่อน้อย
* กล้วยนมสวรรค์ เป็นกล้วยที่ทนน้ำท่วมและหนอนเจาะ เนื่องจากมีลำต้นที่แข็งแรง ผลเรียงหวีค่อนข้างแน่น ผลสุกมีจุกขาว ขนาดเล็กก้านสั้น สีเหลืองสดสวยงาม เนื้อมีรสหวานอมเปรี้ยว
* กล้วยพม่าแหกคุก กาบใบสีเขียวจัด สูงได้ถึง 5 เมตร ใน 1 เครือมีหลายหวี แต่ละหวีมีขนาดใหญ่ ลักษณะผลเกือบเหลี่ยม ผลสุกเนื้อค่อนข้างเละ
* กล้วยน้ำว้าดำ ลำต้นสูงใหญ่ บริเวณโคนก้านใบมีปื้นสีดำ ผลสุกมีสีคล้ายกับเปลือกมังคุดจนถึงสีดำ รสชาติเหมือนกับกล้วยตาก

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีดูแลผิว หลังเผชิญแสงแดด

วิธีดูแลผิว, ผิว, แสงแดด, บำรุงผิว, ผิวพรรณ, ความงาม
ใครที่รู้ตัวว่าผิวถูกทำลายจากแสงแดดมากเกินไป วันนี้มีวิธีดูแลผิวหลังเผชิญกับแสงแดดมาฝาก

- กรณีที่อาบแดดนาน ๆ อยู่ ท่ามกลางความร้อนมากเกินไป หรือแพ้สภาพอากาศ อาจทำให้ใบหน้าและบริเวณหน้าอกขึ้นเป็นผื่นแดงได้ วิธีที่ดีที่สุด คือใช้ครีมบำรุงผิวสูตรบรรเทาผื่นแดงสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เพื่อลดขนาดของรอยผื่น และต้องหลบแดดทันทีควบคู่กับการงดทำซาวน่า และอยู่ให้พ้นจากชายหาด ที่มีลมแรงสักระยะ

- ปัญหาผิวแผ่นหลังลอก จะเกิดหลังจากผ่านการอาบแดดมา ซึ่งสามารถ แก้ไขได้โดยให้ผิวสัมผัสนุ่มเนียนขึ้นได้ โดยใช้ออยล์ลูบไล้ให้ทั่ว แต่จะดียิ่งขึ้นหากใช้เกลือขัดผิวหรือบอดี้สครับสูตรอ่อนโยนขจัดเซลล์ผิว เสื่อมสภาพให้หลุดออก

- ผิวขาหยาบกร้านแห้ง แตก เป็นขุย เป็นผลมาจากร่างกายขาดน้ำจึงต้องดื่มน้ำมากเป็นพิเศษ และขัดผิวอย่างถูกวิธีควบคู่ไปด้วย ผิวกายควรใช้แปรงขัดผิว ใยบวบ หรือถุงมือขัดผิวโดยเฉพาะ ขัดถูให้ทั่ว พร้อมกับใช้ครีมขัดผิวคู่ไปด้วย หลังจากนั้นอย่าลืมบำรุงผิวที่หยาบกร้านด้วยโลชั่นถนอมผิว

- ไหล่ เป็นจุดที่ถูกแดดเผาได้ง่าย หาก คุณเปลือยไหล่อาบแดด จึงควรประคบผิวส่วนนี้ให้เย็นขึ้นด้วยการใช้โลชั่นที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน สำหรับชโลมผิวหลังอาบแดดโดยเฉพาะ หรือชโลมด้วยน้ำเย็นก่อนเป็นอันดับแรก

- ริ้วรอยแห่งวัยที่เกิดจากเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน ยิ่งอายุมากขึ้นริ้วรอยยับย่นแห่งวัยก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นได้ง่ายและเร็ว ควรดูแลผิวเสียแต่เนิ่น ๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภทม้อยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน และอีลาสติน แต่นับจากนี้ก็ต้องหมั่นดูแลตัวเองให้ได้รับผลเสียจากแสงแดดน้อยที่สุด เพราะริ้วรอยที่เกิดขึ้นแล้วต้องใช้ระยะเวลาในการลดเลือนริ้วรอย

ใครที่โดนแสงแดดทำลายผิว ลองนำวิธีที่แนะนำไปบำรุงผิวให้กลับคืนสู่สภาพเดิมกันได้

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก

พื้นที่ชุ่มน้ำคืออะไร

พื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetlands) ตามอนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) หรืออนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ กล่าวว่า "พื้นที่ชุ่มน้ำ" หมายความถึง ที่ลุ่ม ที่ราบลุ่ม ที่ลุ่มชื้นแฉะ พรุ แหล่งน้ำ ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น ทั้งที่มีน้ำขังหรือท่วมอยู่ถาวรและชั่วครั้งชั่วคราว ทั้งที่เป็นแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหล ทั้งที่เป็นน้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม รวมไปถึง ที่ชายฝั่งทะเลและที่ในทะเล ในบริเวณซึ่งเมื่อน้ำลดลงต่ำสุด มีความลึกขอระดับน้ำ ไม่เกิน 6 เมตร

พื้นที่ซึ่งมีลักษณะจัดได้ว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ จึงรวมถึง ห้วย หนอง คลอง บึง บ่อ กระพัง (ตระพัง) บาราย แม่น้ำ ลำธาร แคว ละหาน ชานคลอง ฝั่งน้ำ สบธาร สระ ทะเลสาบ แอ่ง ลุ่ม กุด ทุ่ง กว๊าน มาบ บุ่ง ทาม พรุ สนุ่น แก่ง น้ำตก หาดหิน หาดกรวดหาดทราย หาดโคลน หาดเลน ชายทะเล ชายฝั่งทะเล พืดหินปะการัง แหล่งหญ้าทะเล แหล่งสาหร่ายทะเล คุ้ง อ่าวดินดอนสามเหลี่ยม ช่องแคบ ชะวากทะเล ตะกาด หนองน้ำกร่อย ป่าพรุ ป่าเลน ป่าชายเลน ป่าโกงกาง ป่าจาก ป่าแสม รวมทั้งนาข้าว นากุ้ง นาเกลือ บ่อปลา อ่างเก็บน้ำ เป็นต้น

โดยปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่ได้รับการจำแนกรวมกับพื้นที่ที่ไม่ ได้รับการจำแนกและคุ้มครองในรูปพื้นที่อนุรักษ์ต่างๆ ที่รวมถึงป่าชายเลน ป่าพรุ ทะเล หนองและบึง ต่างๆ ฯลฯ คิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้น 15.7 ล้านไร่ หรือประมาณร้อยละ 5 ของพื้นที่ประเทศ








ประโยชน์ของพื้นที่ชุ่มน้ำ

1. เป็นแหล่งน้ำ ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ที่คน พืช และสัตว์ เข้าไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น การอุปโภคบริโภค การเกษตร การเลี้ยงสัตว์ อุตสาหกรรม การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นันทนาการ ฯลฯ นอกจากนั้น พื้นที่ชุ่มน้ำยังช่วยรักษาสมดุลของระดับน้ำใต้ดิน

2. เป็นแหล่งเก็บกักน้ำฝนและน้ำท่า ที่ไหลบ่าลงมาจากะพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำ ช่วยลดและป้องกันปัญหาน้ำท่วมฉับพลันที่จะเกิดกับพื้นที่โดยรอบ หากพื้นที่ชุ่มน้ำถูกถมหรือเปลี่ยนแปลงไป จะเกิดปัญหาน้ำท่วมขังบ่อยครั้งขึ้น

3. มีบทบาทช่วยป้องกันมิให้น้ำเค็ม รุกเข้ามาในแผ่นดิน น้ำจืดที่ไหลมาตามทางน้ำต่างๆ จะไหลผ่านพื้นที่ชุ่มน้ำแล้วไหลลงสู่ชั้นน้ำใต้ดินในพื้นที่ชุ่มน้ำ และช่วยผลักดันน้ำทะเลมิให้รุกเข้ามาในแผ่นดิน การสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้มากเกินขนาด การผันน้ำจากทางน้ำมาใช้มากเกินไป มีผลทำให้น้ำเค็มรุกเข้ามาในแผ่นดินได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงน้ำขึ้นสูงสุด

4. ช่วยป้องกันรักษาชายฝั่งทะเลและลดการพังทลายของชายคลองชายฝั่ง พืชพรรณในพื้นที่ชุ่มน้ำ พืชริมตลิ่ง ชายฝั่งคลองและชายฝั่งทะเล ที่โดดเด่นเห็นได้ชัดที่สุด คือ ป่าชายเลนจะช่วยยึดดิน ปะทะแรงลมพายุ กระแสน้ำ และคลื่น ทั้งยังช่วยป้องกันพื้นที่ กิจกรรมและทรัพย์สินต่างๆ บริเวณพื้นที่หลังชายฝั่งทะเลด้วย



อนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention)

อนุสัญญานี้มีชื่อตามชื่อของสถานที่ที่จัดให้มีการประชุมเพื่อรับรอง อนุสัญญาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2514 คือ เมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่าน อนุสัญญานี้เป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาล ซึ่งกำหนดกรอบการทำงานสำหรับ ความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อการอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และยับยั้งการสูญหายของพื้นที่ชุ่มน้ำในโลก ซึ่งจะต้องมีการจัดการเพื่อใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด

อนุสัญญาแรมซาร์ มีผลบังคับใช้เมื่อปี พ.ศ. 2518 ตามเงื่อนไขว่าอนุสัญญาฯ จะมีผลบังคับใช้เมื่อประเทศต่างๆ เข้าร่วมเป็นภาคี 7 ประเทศ ในขณะนี้มีประเทศต่างๆจากทั่วโลกเข้าร่วมเป็นภาคี รวมทั้งสิ้น ประเทศ
ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาแรมซาร์เป็นลำดับที่ 110 ซึ่งพันธกรณีของอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ วันที่ 13 กันยายน 2541

ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับประเทศ ( Ramsar Site ) ดังนี้
1. พรุควนขี้เสี้ยน บริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จ.พัทลุง มีพื้นที่ประมาณ 3,085 ไร่ (ประกาศเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2541)
2. ดอนหอยหลอด จ.สมุทรสงคราม (ประกาศเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2544)
3. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จ.หนองคาย (ประกาศเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2544)
4. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย บริเวณแอ่งเชียงแสน จ.เชียงราย (ประกาศเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2544)
5. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกีรยติพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี (พรุโต๊ะแดง) จ.นราธิวาส (ประกาศเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2544)
6. ปากแม่น้ำกระบี่ จ.กระบี่ (ประกาศเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2544)

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

10 ชิ้นเด็ดที่ควรมีติดกระเป๋ายามออกเดท

สาวที่กำลังเตรียมตัวออกเดทฟังทางนี้!!! ความประทับใจแรกถือเป็นสิ่งสำคัญในการสานความสัมพันธ์นะคะ เพราะฉะนั้นอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ 10 ชิ้นที่เราจะขาดไม่ได้ มีดังต่อไป

  1. แปรงหวีผม ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาว ก็อยู่ทรงสวยได้ตลอด


  2. กระดาษซับมัน มั่นใจได้ว่าใบหน้าจะสดใส ไม่มันเยิ้มยามเดินเคียงคู่กับเขาอย่างแน่นอน


  3. สเปรย์น้ำแร่ อาวุธอีกชิ้นที่ขาดไม่ได้สำหรับสาวๆ ที่ต้องนั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน เพียงฉีดสเปรย์น้ำแร่ทั่วใบหน้า แล้วซับเบาๆ ด้วยกระดาษทิชชู ผิวจะชุ่มชื่น สดใสพร้อมเจอคนพิเศษ


  4. ลูกอมระงับกลิ่นปาก ไม่ว่าจะกระซิบกุ๊กกิ๊กใกล้กันแค่ไหน ก็มั่นใจได้ในลมหายใจหอมสดชื่น


  5. แฮนด์ครีม เอาไว้นวดระหว่างวัน ให้มือคุณเนียนนุ่มจนเขาไม่อยากปล่อยมือเลยทีเดียว แถมยังใช้แทนโลชั่นจัดแต่งทรงผมยามฉุกเฉินได้อีกด้วย


  6. บอดีย์สเปรย์ ฉีดพรมเล็กน้อยตรงใบหูก่อนออกเดท ให้เขาติดตรึงใจไปทั้งวัน


  7. ลิปมัน อย่าปล่อยให้ริมฝีปากแห้งเป็นขุ่ยโดยเด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงเสน่ห์ของคุณจะหดหายไปในทันที


  8. กิ๊บ ยางรัดผม หากต้องไปดินเนอร์ในสวนสวยหรือริมแม่น้ำยามค่ำ สามารถหยิบขึ้นมาใช้ยามที่ลมพัด ผมจะได้ไม่ยุ่งเสียทรงสวย


  9. คอตต้อนบัด สาวคนไหนที่ชอบวาดเส้นขอบตา อุปกรณ์ชิ้นนี้จะช่วยเช็ดคราบเลอะอายไลเนอร์ได้ดีกว่าทิชชู่


  10. คำพูดหวานๆ บวกแววตาสื่อใจ ข้อนี้สำคัญมาก แถมไม่ต้องไปซื้อหา แค่กลั่นออกมาจากใจก็เด็ดสุดแล้ว

ใคร ที่กำลังจะเตรียมตัวไปออกเดทอย่าลืมติดอุปกรณ์เสริมเสน่ห์ 9 ชิ้นเด็ดและถ้อยคำหวานๆ ที่จะมัดใจคนที่เรารักไปด้วยนะคะ Lucky In Love ทุกคนค่

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก

20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 วันทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ประดิษฐานอยู่ที่หน้าศาลากลาง จ. อุตรดิตถ์ เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงความกล้าหาญของท่าน ที่ได้ต่อสู้กับโปสุพลา แม่ทัพพม่า จนดาบหักคามือ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ไคลด์ ทอมแบจ ค้นพบดาวพลูโต ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ในระบบสุริยะจักรวาล





18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2473 ค้นพบดาวพลูโต ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ในระบบสุริยะจักรวาล โดย ไคลด์ ทอมแบจ (Clyde W.Tombaugh) นักดาราศาสตร์แห่งหอดูดาวโลเวล รัฐอริโซนา (Lowell Observatory Arizona)จากการเปรียบเทียบภาพถ่ายท้องฟ้าที่บันทึกในเวลาต่างกัน จนสังเกตเห็นการเปลี่ยนตำแหน่งของดาวดวงนี้เมื่อเทียบกับดาวดวงอื่น และเป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดในระบบสุริยจักรวาล โดยปรกติจะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด แต่ไม่ใช่ตลอดไป เนื่องจากมีวงโคจรเป็นวงรีมากกว่าดาวเนปจูน ดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวในระบบสุริยะจักรวาลที่ยังไม่เคยถูกสำรวจโดย ยานอวกาศอย่างใกล้ชิด

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รายการวิทยุประชาสัมพันธ์ระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตยของอเมริกา เริ่มออกอากาศไปรัสเซียเป็นวันแรก



17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 เสียงจากอเมริกา (Voice of America) รายการวิทยุคลื่นสั้นเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตย ของอเมริกา เริ่มออกอากาศไปรัสเซียเป็นวันแรก เพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุคสงครามเย็น

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์องค์ที่ ๒๗ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย (พ.ศ. ๒๑๗๕ - พ.ศ. ๒๒๓๑ ครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๙๙ - พ.ศ. ๒๒๓๑) มีหลายพระนาม คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชรญ์ เป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าปราสาททอง พระมหากษัตริย์ผู้ครองกรุงศรีอยุธยา กับพระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เหตุที่มีพระนามว่า "นารายณ์" มีที่มาน่าสนใจคือ มีพระญาติวงศ์เหลือบเห็นเป็น 4 กร พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญตลอดรัชกาลของพระองค์ ทั้งด้านการทหาร วรรณคดี และการทูต โดยเฉพาะการส่งคณะราชทูต นำโดยเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งราชวงศ์บูร์บง



พระราชประวัติโดยย่อ

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีหลายพระนาม คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชรญ์ เป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าปราสาททอง พระมหากษัตริย์ผู้ครองกรุงศรีอยุธยา กับพระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (ไม่ปรากฏชื่อพระมารดา แต่มีปรากฎในหนังสือของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอ้างใน พงศาวดารเรื่องไทยรบพม่า )

ทรงพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ปี พ.ศ. 2175 ส่วนเหตุที่มีพระนามว่า "นารายณ์" มีที่มาน่าสนใจคือ ( มีอ้างในพงศาวดาร ) มีพระญาติวงศ์เหลือบเห็นเป็น 4 กร สมเด็จพระเจ้าประสาททองตรัสแจ้งความเป็นอัศจรรย์ แล้วก็พระราชทานนามว่า "พระนารายณ์ราชกุมาร"

พระองค์ทรงปราบดาภิเษกเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเมื่อ พ.ศ.2199 ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2205 เริ่มมีชาติตะวันตกเข้ามาเผยแพร่ศาสนา ชาติแรกที่เข้ามาคือ ฝรั่งเศส เป็นมิชชันนารี ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีประปรีชาสามารถมาก ทรงเล็งเห็นประโยชน์จากชาวต่างชาติจึงทรงเริ่มดำเนินการประสานสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส

ทรงจัดคณะฑูตนำพระราชสาสน์ไปเจริญสัมพันธ์ไมตรี ณ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตรงกับสมัย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงตอบรับด้วยเล็งเห็นว่าจะชักชวนสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนับถือศาสนาคริสต์ ตามพระองค์ ดังนั้นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงทรงให้ราชฑูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2228

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงทราบจุดหมายของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ดี แต่เนื่องจากจุดประสงค์ของพระองค์คือการส่งเสริมการค้าขายและความเจริญ ของกรุงศรีอยุธยาเป็นหลัก จึงทรงปฏิเสธด้วยพระปรีชาสามารถอันแยบยลว่า " การที่ผู้ใดจะนับถือศาสนาใดนั้น ย่อมแล้วแต่พระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์จะบันดาลให้เป็นไป ถ้าคริสต์ศาสนาดีจริงแล้ว และเห็นว่าพระองค์สมควรที่จะเข้าเป็นคริสตศาสนิกชนแล้ว สักวันหนึ่งพระองค์จะถูกดลใจให้เข้ารีตจนได้"

พระองค์ ทรงทำให้หัวหน้าราชฑูตของฝรั่งเศสเลื่อมใสในพระปรีชาสามารถของประองค์เป็น อย่างมาก นอกจากพระราชกรณียกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครองแล้ว ก็ปรากฏว่าสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระปรีชาญาณในศิลปวรรณคดีเป็นอย่างยิ่ง ได้ทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้หลายเรื่อง เท่าที่ทราบกันต่อมาในบัดนี้ มีดังนี้

1.พระราชนิพนธ์โคลง เรื่องทศรถสอนพระราม
2.พระราชนิพนธ์โคลง เรื่องพาลีสอนน้อง
3.พระราชนิพนธ์โคลง เรื่องราชสวัสดิ์
4.สมุทรโฆษคำฉันท์ (ตอนกลาง)
5.คำฉันท์กล่อมช้าง (ของเก่า)
6.บทพระราชนิพนธ์โคลงโต้ตอบกับศรีปราชญ์และกวีมีชื่ออื่นๆ

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การดื่มน้ำบำบัดโรค

น้ำถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของชีวิตเรา เฉกเช่นเดียวกับอาหารที่ต้องรับประทานเพื่อการดำรงอยู่ แต่จะดื่มอย่างไรถึงจะทำให้มีสุขภาพดีด้วย มาลองอ่านกันนะคะ

น้ำ, ดื่มน้ำ, การดื่มน้ำบำบัดโรค, อาหาร, สุขภาพ, ร่างกาย


การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้อายุยืน ยิ่งถ้าพบว่าผิวหนังแห้ง ไม่ชุ่มชื้น ตาแห้ง มีกลิ่นปาก ท้องผูก เป็นริดสีดวงทวาร นั่นแสดงว่า ร่างกายของคุณกำลังขาดน้ำอย่างยิ่งเชียว

วิธีแก้แบบง่าย ปลอดภัย และประหยัดที่สุดก็คือ การดื่มน้ำ นั่นเอง แต่...จะดื่มยังไงดีนั่นล่ะ

การดื่มให้ถูกวิธี คือ ดื่มวันละ ๑๔ แก้ว ได้แก่
๑. เวลาตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น ๔ แก้ว
๒. ก่อนอาหารทุกมื้อ มื้อละ ๑ แก้ว
๓. หลังอาหารทุกมื้อ มื้อละ ๑ แก้ว
๔. ในเวลา ๑๐.๐๐, ๑๔.๐๐, ๑๖.๐๐ เวลาละ ๑ แก้ว
๕. ก่อนนอนดื่มน้ำอุ่น ๑ แก้ว

เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ

ถ้าดื่มในช่วงพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า ต้องดื่มน้ำอุ่น.... แต่ถ้าพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าแล้ว ให้ดื่มน้ำเย็นค่ะ

เป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนหลงลืมอิทธิพล ของพระอาทิตย์-พระจันทร์มานาน ถ้าทำได้ดังที่ว่านั้น เค้าบอกว่าประโยชน์จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณอย่างเห็นได้ชัด เพราะการดื่มน้ำ สามารถทำลาย เชื้อแบคทีเรียได้ ทำให้โอกาสในการเป็นโรคภูมิแพ้ต่ำ สามารถล้างคราบไขมันตามลำคอ และล้างลำไส้ที่มีความยาว ๑๒ เมตรของมนุษย์ได้

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วาเลนไทน์



กำเนิดวันวาเลนไทน์ เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุด เพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโน่ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงาน และในวันถัดมา คือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลเฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม มีขนบธรรมเนียมอย่างหนึ่งของชายหนุ่มก็คือ การจับฉลาก ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะเริ่มต้นเทศกาลลูเพอร์คาร์เลีย ชื่อของเด็กสาวจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษและใส่ลงในไห ชายหนุ่มแต่ละคนจะจับฉลากเพื่อเลือกคู่ในเทศกาลเฉลิมฉลองนี้ บ่อยครั้งที่หนุ่มสาวต่างถูกใจกัน และแต่งงานกันในเวลาต่อมา

ในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 แห่งโรม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้าย และทรงนิยมการทำสงครามนองเลือด ได้
ทรงตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมในกองทัพ เนื่องมาจาก ไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง ขณะนั้นเอง พระรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ ซึ่งอาศัยอยู่ในโทรม ได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนาดีของท่านนี้เอง จึงทำให้ท่านถูกตัดสินประหารชีวิตโดยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.270 ซึ่งตรงกับเทศกาลลูเพอร์คาร์เลีย ตามประเพณีโบราณพอดี ณ โอกาสนี้เอง กลุ่มคนนอกศาสนาได้รื้อฟื้นประเพณีจับฉลากขึ้นมาใหม่ โดยชายหนุ่มจะเป็นผู้เขียนชื่อหญิงสาวลงไปด้วยตัวเอง ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรัก และดูเหมือนว่ายังคงเป็นธรรมเนียม ที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

วาเลนไทน์ (Valentine) คือวันที่ระลึกถึง นักบุญเซนต์วาเลนไทน์ (Saint Valentine) ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา ความรัก และความ
ปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง แต่สุดท้ายเขาต้องจบชีวิตลงด้วยการรับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หรือเมื่อประมาณ 1,728 ปีล่วงเลยมาแล้ว ซึ่งเป็นยุคสมัยของจักรวรรดิโรมันที่ศาสนาคริสต์ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ซํ้าร้ายภายใต้การปกครองของกษัตริย์ "คลอดิอุสที่ 2" ผู้ออกกฎหมายบีบบังคับให้ประชาชนเลิกนับถือ และห้ามให้มีแต่งงานของพวกคริสเตียนเกิดขึ้น แต่ยังคงมีผู้นำคริสเตียนคนหนึ่งชื่อ "วาเลนตินัส" หรือที่ได้รับการยกย่องเป็นเซนต์วาเลนไทน์ ในภายหลัง คอยลักลอบแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขังและรับโทษทรมานแสนสาหัสอยู่ในคุก

ในขณะที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็พบรักกับสาวตาบอด ซึ่งเธอเป็นลูกสาวของผู้คุมในคุก ด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขา พระเจ้า
ได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์คลอดิอุสที่ 2 พระองค์จึงสั่งให้ลงโทษ วาเลนตินัส ด้วยการโบยและนำไปประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกนำไปประหารนั้น ได้เขียนจดหมายสั้น ๆ เป็นการอำลาส่งไปให้หญิงคนรักของเขา โดยลงท้ายในจดหมายว่า
"....จากวาเลนไทน์ของเธอ (Love From Your Valentine)"

ต่อมาเมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจในความรักของเขา ยึดถือเอาวันที่14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น "วันแห่ง
ความรัก" Saint Valentine's Day หรือ Valentine'sDay และได้นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรป อเมริกา รวมทั้งในทวีปเอเชียด้วย

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ไทยทำสัญญาการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาและเมืองหลวงพระบางของฝรั่งเศส



13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2446 ไทยทำสัญญาการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาและเมืองหลวงพระบางของ ฝรั่งเศส การยกดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงตรงข้ามเมืองหลวงพระบางให้ฝรั่งเศส รวมทั้งให้ฝรั่งเศสถอนทหารออกจากจันทบุรี ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการทำสัญญาครั้งนี้ ต่อมาฝรั่งเศสยังไม่พอใจในสัญญา ไทยจึงต้องมอบเมืองตราดและเกาะต่างๆ ให้ฝรั่งเศสยึดครอง

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เลือกของขวัญ... ในวันพิเศษ

เคยเป็นไหม บางทีก็เกิดอาการงง ๆ จะซื้ออะไรให้เป็นของขวัญ หรือมีอะไรเซอร์ไพรส์ให้คนพิเศษโดยเฉพาะในวันพิเศษ ๆ ที่จะมาถึง เพราะบางครั้งคนให้อาจติดกังวล ประมาณว่าไม่รู้ว่าให้ไปแล้ว เขาหรือเธอจะชอบไหม จะถูกใจแค่ไหน หรือจะเข้าท่าหรือเปล่า โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งคบหาดูใจ ก็น่าจะยิ่งเกิดอาการลังเลใจปน ๆ กับความตื่นเต้นเล็ก ๆ ในการที่จะเลือกซื้อของขวัญให้เขาหรือเธอสักชิ้น ตรงนี้มีไอเดียในการเลือกหาของขวัญให้คุณได้นำไปเซอร์ไพรส์คู่รักในวันพิเศษ ค่ะ...


เครื่องประดับ
ถ้าเป็นผู้ชายเครื่อง ประดับที่เหมาะก็คือ แหวน นาฬิกา หรือแว่นตา ในสไตล์ที่เหมาะกับบุคลิกของเขา และถ้าคนสำคัญของคุณเป็นผู้หญิง แน่นอนว่าวันพิเศษอย่าง วันเกิด วันแห่งความรัก สิ่งที่แสดงถึงการเอาใจใส่อย่างหนึ่งคือการมอบเครื่องประดับสักชิ้นไม่จำ เป็นต้องดูเม็ดใหญ่ หรือมีขนาดโตเท่าไข่ห่าน หรือดูยิ่งใหญ่หรูหราอลังการ แค่จิวเวลรีเม็ดเล็ก ๆ ผู้รับก็รู้สึกยิ่งใหญ่พอแล้ว ผู้รับจะรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่เขาใจผู้หญิงเพราะนอกจากผู้หญิงทุกคนล้วนคู่ ควรกับเครื่องประดับแล้วเครื่องประดับจะเล็กจะใหญ่ไม่สำคัญ แต่มันมาจาก...คุณเป็นคนให้ต่างหาก

แพ็คเกจเดินทางท่องเที่ยว
หาก เป็นคนรู้ใจกัน คุณย่อมรู้ดีว่าสไตล์การเที่ยวของเขาหรือเธอเป็นแบบไหนเซอร์ไพรล์ด้วย แพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยว อาจจะเป็นสถานที่ที่เขาเคยบ่นให้ใดยินว่าอยากไปหรือเลือกสถานที่โรแมนติก เหมาะกับคูรัก คู่เดท หรือคู่ฮันนีมูน หรือถ้าไม่ใช่แพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยวเป็นเรื่องเป็นราว เอาแค่หาเวลาวันหยุดจูงมือกันไปพักผ่อนต่างจังหวัดที่ไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไปจะ เป็นภูเขา หรือทะเล ก็แล้วแต่สไตล์ แค่ขอให้คนที่ไปนอนนับดาวด้วยคือ..คนที่ใช่ก็พอ

บัตรดูคอนเสิร์ต
เป็น อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ที่คู่รักควรทำ เพราะเดี๋ยวนี้มีเทศกาลเพลงดี ๆ รวมถึงคอนเสิร์ตจากศิลปินดังมากมาย ที่บินมาแสดงในบ้านเรา หากคุณรู้ว่าคู่ของคุณชอบศิลปินคนใด หรือชอบการแสดงแบบไหนอย่ารีรอที่จะซื้อบัตรและนำมาเซอร์ไพรส์ให้คู่ของคุณ (จะดีมากถ้าคุณซื้อตั๋วรอไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยปากชวน) เพราะการดูคอนเสิร์ตด้วยกันเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาของความสนุกที่คุณได้ใช้ ร่วมกัน ที่สำคัญคือเขาหรือเธอจะรู้ว่าคุณช่างเป็นคนรู้ใจจริง ๆ

สัตว์เลี้ยง
สำหรับ ของขวัญชิ้นนี้ต้องได้รับความแน่ใจว่าเป็นความต้องการของอีกฝ่ายจริง ๆ จึงเหมาะที่จะทำเซอร์ไพรส์ มิฉะนั้นจะกลายเป็นภาระให้อีกฝ่ายไปซะงั้นหากคู่ของคุณเป็นคนรักน้องหมา คลั่งไคล้น้องแมว เอ็นดูน้องนก ชื่นชมน้องปลา ที่สำคัญเธอหรือเขาต้องมีความเหมาะสม เช่น เรื่องพื้นที่ เวลาในการเลี้ยงดู ขาดไม่ได้คือมีเวลารับผิดชอบ ของขวัญเดินได้มีชีวิตจิตใจตัวนี้จะเป็นคล้าย ๆ พยานรักของคุณเลยทีเดียว

ของขวัญสไตล์ do it by yourself
ที่ บ่งบอกถึงความรู้สึกในด้านดีของผู้ให้ บางครั้งเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าของขวัญใด ๆ อาทิ กล่องใส่ของ การ์ด กรอบรูป หรือของกิ๊บเก๋อย่าง Message in a bottle ฯลฯ เพราะฉะนั้นของ diy จะเล็ก จะใหญ่ จะสวย จะเกือบสวย หรือจะดูแปลกแค่ไหน อย่างน้อยก็มีชิ้นเดียวในโลกที่เกิดจากสองมือและหนึ่งหัวใจของคนอันเป็นที่ รัก ผู้รับเป็นปลื้มทุกรายแน่นอนไม่ว่าของสิ่งนั้นจะเป็นอะไร สิ่งที่ต้องนึกถึงคือจะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับใครคนนั้น ที่สำคัญต้องให้ด้วยความรัก ไม่ใช่...ให้ ๆ ไป (เถอะ) เพราะเทศกาลมาถึงนะจ๊ะ

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รัฐบาลอิตาลีลงนามในสนธิสัญญาลาเตอรัน กับฝ่ายศาสนจักรของสำนักวาติกัน



11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2472 รัฐบาลอิตาลีลงนามในสนธิสัญญาลาเตอรัน (The Lateran Agreenent) กับฝ่ายศาสนจักรของสำนักวาติกัน รับรองวาติกันเป็นดินแดนนอกเหนืออำนาจการปกครองของรัฐบาลนครรัฐวาติกัน (Vatican City) เป็นรัฐอิสระที่ปรกครองโดยสันตะปาปา รัฐศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแห่งนี้ ตั้งอยู่ในกรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี วาติกันเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก หากแต่เป็นที่ตั้งของโบสถ์ในศาสนาคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือโบสถ์เซนต์ปี เตอร์

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สมการ

หาความชันของ Ll
จากสูตร Y = MX + C
จะได้ Y = -2X + 8
ดังนั้น ML1 = -2
แต่เส้นตรงที่ลากจากจุด (X,Y) มายัง (4,0) จะตั้งฉากกัน ดังนั้น จะได้ว่า
ML1 • ML2 = -1 (M คือความชัน)
(-2) (ML2) = -1
ดังนั้น ML2 = ½

เนื่องจาก L2 ผ่านจุด (4,0) จะได้ว่า
Y = MX + C
===> 0 = (½)(4) + C
===> C = - ½
ดังนั้น สมการ L2 คือ Y = ½ X - ½ หรือ 2Y = X - 1 ---» 1

ให้ (X,Y) คือจุดศูนย์กลางของวงกลมจะได้ว่า
(X-4)2 + (Y-0)2 = (X-7)2 + (Y-3)2
เนื่องจาก (7,3) และ (4,0) อยู่บนเส้นรอบวงของ (X,Y) จะได้
X2 - 8 x + 16 + Y2 = X2 - 14X + 49 + Y2 - 6Y + 9
6X + 16 = -6Y + 58
ดังนั้น X + Y = 7 ---» 2

จาก ---» 1 และ ---» 2 X = 7 -Y ---» 3

นำ ---» 3 แทนใน ---» 1 จะได้
2Y = (7-Y) - 1
3Y = 6
Y = 2
ดังนั้น X = 5
จะได้ จุด (5,2) เป็นจุดศูนย์กลาง

หารัศมีของวงกลม จากจุด (4,0) และ (5,2)
(5-4)2 + (2-0)2 = r2
12 + 4 = r2
ดังนั้น r2 = 5

จะได้สมการวงกลม คือ
(X-5)2 + (Y-2)2 = 5

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สับปะรดช่วยระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง

สับปะรดมีวิตามินซีที่จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง ฯลฯ

สับปะรด, ผลไม้, ภูมิคุ้มกัน, ร่างกาย, สุขภาพ, แข็งแรง

สับปะรดเป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ในบ้านเราตลอดทั้งปี มีประโยชน์ต่อสุขภาพจนไม่ควรมองข้าม เรามาทำความรู้จักความดีของสับปะรดกันดีกว่าค่ะ

1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับ ประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้น ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อ และต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกาย แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก

2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารมาก ซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรด มีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ ที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนต์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ และลดการสูบบุหรี่ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการก่อมะเร็ง และจากการศึกษาพบว่า เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งรังไข่

5. ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือ จะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็ง ได้ถึง 20%

6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินซีสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้

7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณ ใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล

หมายเหตุ : แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ควรกินพอประมาณ เช่น วันละหนึ่งชิ้น และกินผลไม้อื่นๆ ให้หลากหลายด้วย เพราะการกินอะไรที่มากเกินไปก็ย่อมให้ผลเสียทั้งนั้น

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เคล็ดลับ10 ข้อในการจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

รู้สึกสมองตื้อทุกครั้งเมื่อนึกถึงการที่ต้องท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษ ซะมากมายใช่มั้ย? ที่จริงการท่องศัพท์ไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่ทำให้ปวดหัวหรือเหนื่อยใจเสมอไป หรอก เชิญอ่านเคล็ดลับในการเรียนศัพท์ดังต่อไปนี้แล้วนำไปใช้รับรองได้ผล !
ภาษาอังกฤษ, จำศัพท์ภาษาอังกฤษ, เคล็ดลับเก่งภาษาอังกฤษ

ความเกี่ยวเนื่อง: ถ้าคุณจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน ระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้คุณจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น

เขียน: การ นำคำศัพท์นั้นมาใช้จะทำให้คุณจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้ กลุ่มคำศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่

วาดรูป: ดึงวิญญาณศิลปินในตัวคุณออกมาใช้ โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่คุณเรียนอยู่ ภาพที่คุณวาดจะช่วยกระตุ้นความทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต

แสดง: แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่คุณกำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าคุณจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น

สร้าง: ออกแบบ flashcards ศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วย

ความสัมพันธ์: กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้คุณจำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไป

ฟัง: นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่คุณพยายามเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้คุณจำการออกเสียงของคำใหม่นั้น

เลือก: จำ ไว้ว่าการเรียนในหัวข้อที่คุณชอบหรือสนใจจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้คุณจำได้แม่นและเร็วขึ้น ด้วยเช่นกัน !

ข้อจำกัด: คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ ทั้งหมดได้ในวันเดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกลับ จะทำให้คุณสมองตื้อแทน

สังเกต: พยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คุณกำลังเรียนอยู่เมื่ออ่านหรือฟังภาษาอังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กินให้สวย

กินให้สวย เป็นนางงาม

เรื่องความสวยความงามกับอาหารการกินดูเหมือนจะเป็น 2 สิ่งที่เดินสวนทางกัน แต่ก็ไม่เสมอไปหรอกน่า วันนี้มีเคล็ดลับกินให้สวยเป็นนางงามมาฝากกัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ระหว่างไดเอ็ท ควบคุมอาหาร หรือว่าชอบอาหารอย่างไหนเป็นพิเศษก็ตาม ควรจำไว้ว่ารายการอาหารเพื่อสุขภาพ 10 อย่างข้างล่างนี้ จะช่วยให้คุณแลดูสวยอย่างมีสุขภาพได้เลยทีเดียว

1. ผลไม้ มีงานวิจัยที่แนะนำว่าให้กินผลไม้อย่างน้อย 5 ส่วนในแต่ละวัน เพราะมีคุณประโยชน์ในการช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งบางประเภทได้

2. กรดไขมัน ที่จำเป็นสำหรับร่างกาย (Essential fatty acids) หรือที่รู้จักกันว่าเป็นไขมันส่วนที่ดี จะเข้าไปช่วยทำให้ผิว ผมและเล็บดูแข็งแรง

3. กระเทียม อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนี เพราะว่ากระเทียมเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ป้องกันมะเร็งได้ กระเทียมยังช่วยลดคอเลสเทอรอลและความดันโลหิตอีกด้วย

4. ควรเลือกดื่มชาเขียว ด้วยเหตุผลเดียวกับกระเทียมคือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันมะเร็งบางชนิด ทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย

5. ผักใบเขียว เนื่องจากมีวิตามินเอและอี พร้อมกากใย และธาตุเหล็ก วิตามินเอบำรุงตาและผิวหนัง ส่วนวิตามินอีช่วยความยืดหยุ่นของผิว กากใยช่วยการขับถ่าย ส่วนธาตุเหล็กไปช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง

6. อย่าลืมดื่มนม เพราะเป็นแหล่งแคลเซียมและวิตามินดี เป็นประโยชน์ต่อกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกผุ

7. ถั่วเหลือง ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันมะเร็ง พร้อมทั้งมีวิตามินอี และกรดอะมิโน ที่ช่วยให้ผิวเรียบลื่น ยืดหยุ่นด้วย

8. วิตามินซี จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายต่อสู้โรคภัยได้ วิตามินซียังเป็นกุญแจสำคัญให้ร่างกายสร้าง คอลลาเจน อันเป็นสารเคมีที่ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่นและปราศจากรอยย่นอีกต่างหาก

9. โยเกิร์ต ก็เป็นแหล่งอาหารชั้นดีที่มีแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินบี ทั้งยังมีแบคทีเรียช่วยระบบย่อยด้วย

10. ช็อกโกแลต อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ช็อกโกแลตเป็นหนึ่งในอาหารที่จะช่วยให้คงความงามไว้ได้ เพราะว่าในช็อกโกแลตมีสารที่กระตุ้นเอนโดร์ฟิน และเซโรโตนิน ฮอร์โมนทั้ง 2 ทำให้มีอารมณ์ดี มีความสุข คนจะแลดูสวยได้ก็ต้องรู้สึกสวย รู้สึกดีเสียก่อน

สุดท้ายอย่าลืม ดื่มน้ำ เพราะน้ำจะช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ ผมเปล่งประกาย นุ่มสลวย น้ำยังช่วยขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การใส่แหวน

ตามความเชื่อ และแนวทางด้านจิตวิทยา ที่ได้มีการวิเคราะห์นิสัยของผู้สวมใส่แหวน ซึ่งเป็นเครื่องประดับที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุดนั้น พบว่า การสวมแหวนในแต่ละนิ้วสามารถบ่งบอกถึงบุคลิกภาพ และอุปนิสัยของผู้สวมใส่ได้อย่างแม่นยำ แต่ต้องเป็นคนทีสวมแหวนที่มือขวาเท่านั้น


แหวนเสริมดวง

แหวนเสริมดวง
- เลือกสวมแหวนที่ถูกโฉลกกับเดือนเกิดหรือวันเกิดเพื่อเสริมโชคดีให้ชีวิต
- ถ้าอยากเสริมดวงการเงิน - ควรสวมแหวนทอง, แหวนเงิน, แหวนหยก และแหวนหัวพลอยสีที่ถูโฉลก
- ถ้าอยากเสริมดวงความรัก-ให้สวมแหวนรูปหัวใจ, รูปดาว, แหวนเพชร, เทอร์ควอยส์ก็ได้
- ส่วนแหวนลูกปัดและหินสีต่างๆ จะช่วยเสริมดวงเสน่ห์

การสวมแหวน
- สวมแหวนนิ้วกลาง ข้างขวา - เสริมดวงการเงินและบารมี
- สวมแหวนนิ้วนาง หรือ นิ้วก้อย - เสริมเสน่ห์และเสริมดวงความรัก



เทคนิคการใส่แหวนให้โชคดี

เทคนิคการใส่แหวนให้โชคดี
- ถ้าอยากให้มีความรักมั่นคง ต้องสวมแหวนที่ตรงหัวใจ คือนิ้วนางข้างขวา
-
ถ้าอยากให้โชคดีเรื่องความรัก ต้องสวมแหวนที่นิ้วก้อยข้างซ้าย
- ถ้าอยากให้คนนั้นสนใจต้องสวมแหวนที่นิ้วชี้ข้างขวา
- ถ้าอยากให้โชคดีมีความราบรื่นในเรื่องต่างๆ ต้องสวมแหวนที่นิ้วนางข้างขวา
- ถ้าอยากให้ปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย ต้องสวมแหวนที่นิ้วกลางข้างขวา
- ถ้าอยากให้โชคดีในเรื่องการเงิน ต้องสวมแหวนที่นิ้วกลางข้างขวา
- ถ้าอยากมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ต้องสวมแหวนที่นิ้วก้อยข้างขวา
- ถ้าอยากมีคนชอบมากๆ ต้องสวมแหวนที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาหรือซ้ายก็ใด้

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ จัดว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์มาก อยู่ในกลุ่มตะบองเพชรเขตร้อน ส่วนประโยชน์ของเจ้าว่านห่างจระเข้จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย!

ว่านหางจระเข้, พืช, สมุนไพร, ธรรมชาติ, ตะบองเพชรเขตร้อน

๑. แก้ปวดศีรษะ นำว่านหางจระเข้ตัดให้เป็นแว่นบางๆ เอาปูนแดงทาที่วุ้น แล้วปิดที่ขมับ จะทำให้เย็นหายปวด

๒. แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ใช้ น้ำเมือกจากว่านหางจระเข้รักษา แผลไฟลวก ขนาดรุนแรงที่สุด โดยทาน้ำเมือกที่แผลให้เปียกอยู่เสมอ แผลจะหายรวดเร็วมาก อาการปวดแผลหรือการเกิดแผลเป็นจะมีน้อยมากหรือไม่มีเลย

๓. ผิวไหม้เพราะถูกแดดเผา ใช้วุ้นหางจระข้ทาบ่อยๆ ช่วยลด อาการปวดแสบปวดร้อน ผิวตึง และลดจำนวนผิวที่ลอก

๔. แผลจากของมีคมและแผลอื่นๆ ทำความสะอาดแผลเสียก่อน แล้วเอาวุ้นปิดลงที่แผลให้สนิท เอาผ้าปิดไว้ แล้วหยอดน้ำเมือกลงไปให้ผ้าตรงบริเวณที่แผลเปียกอยู่เสมอ ช่วยให้แผลหายเร็ว และลดรอยแผลเป็น

๕. กระเพาะลำไส้อักเสบ รับประทานวุ้นหางจระเข้ ๑-๒ ช้อนโต๊ะ วันละหลายๆ ครั้ง ใช้ได้ผลในรายที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ หรืออวัยวะอื่น ในทางเดินอาหารเกิดการอักเสบ

๖. บำรุงผมและหนังศีรษะ ใช้ วุ้นว่านหางจระเข้ ชโลมผมให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้แห้ง รุ่งเช้าจึงใช้น้ำล้างออก ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม หวีง่ายขึ้น และรักษาแผลบนหนังศีรษะ ( ก่อนใช้ควรทดลองก่อนว่า แพ้ว่าน หรือไม่ และควรใช้แต่น้อยดูก่อน ที่สำคัญอย่าให้ยางถูกผมเพระายางจะ กัดหนังหัว)

๗. ป้องกันการติดเชื้อ ใช้วุ้นหางจระเข้ ทาแผลรักษาแผลติดเชื้อได้ ทำให้แผลดีขึ้น ภายใน ๑๒ ชั่วโมง

๘. ผื่นคันที่เกิดจากการแพ้สารต่างๆ เนื่องจากวุ้นหางจระข้จะมีฤทธิ์ระงับปวด จึงช่วยลดอาการคันด้วย และยังช่วยให้ผื่นคันหายเร็ว

๙. ขี้เรือนกวาง และ ผื่นปวดแสบปวดร้อน ใช้วุ้นหางจระเข้ กินวันละ ๑-๒ ครั้งๆ ละ ๑-๒ ช้อนโต๊ะ และทาควบคู่กันไป ว่านหางจระเข้ เป็นยาฝาดสมาน อาจทำให้ผิวแห้งได้ จึงควรผสมน้ำมันทาผิว หรือ น้ำมันอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย

๑๐. ลบรอยแผลเป็น ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทา เช้า-เย็น จะลดรอย แผลเป็น

๑๑. ลบท้องลายหลังคลอด ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาผิวท้อง ขณะตั้ง ครรภ์ แม้หลังคลอดแล้วก็ควรใช้ทาต่อเพื่อช่วยให้ผิวหน้าท้องกลับคืนสู่ สภาพปกติ คนที่เคยใช้ยืนยันว่าได้ผลดี

๑๒. เส้นเลือดดำขอดที่ขา ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ ทาที่บริเวณเส้นเลือด ดำขอด และมีบางคนใช้ได้ผลดีมาก

๑๓. มะเร็งที่ผิวหนัง ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ ทาวันละ ๒-๔ ครั้ง เป็นเวลาหลายเดือน

๑๔. แผลครูดและแผลถลอก ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาเบาๆ ให้ทั่วใน ๒๔ ชั่วโมงแรก ทาบ่อยๆ แผลจะไม่ค่อยเจ็บและหายเร็วมาก

๑๕. โรคปวดตามข้อ รับประทานวุ้นว่านหางจระเข้ เป็นประจำจะหาย ปวดได้

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การกำจัดรอยเปื้อนต่างๆ บนเสื้อผ้า

๑. รอยเปื้อนกาว ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดที่รอยเปื้อน นำมาแช่ในน้ำเย็น แล้วซักตามปกติ

๒. รอยเปื้อนขี้ผึ้ง วางกระดาษซับบนรอยเปื้อนแล้วกดด้วยเตารีดที่ร้อน เปลี่ยนกระดาษจนกระทั่งไขทั้งหมดถูกดูดซับไปหมด สำหรับผ้าเนื้อบางหรือผ้าไหมให้ใช้กระดาษทิชชูซับแทนกระดาษธรรมดา และใช้เตารีดที่ไม่ร้อนมาก

๓. รอยเปื้อนไข่ ผสมน้ำซักผ้ากับน้ำอุ่น แล้วนำผ้าเปื้อนไปซัก

๔. คราบน้ำตาเทียน ใช้ ก้อนน้ำแข็งขูดเกล็ดเทียนออกให้มากที่สุด จากนั้นจึงใช้กระดาษประกบบริเวณที่เปื้อนทั้ง ๒ ด้าน แล้วใช้เตารีดอุ่นๆ รีดทับจนน้ำตาเทียนซึมออกมาติดกับกระดาษแล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ

๕. คราบโคลน ปล่อยให้โคลนแห้ง แล้วใช้แปรงปัดออก ซักด้วยน้ำเย็นหลายๆ ครั้งจนไม่มีน้ำโคลนออกมา จึงซักด้วยผงซักซอก

๖. คราบน้ำชา รีบ เทน้ำเดือดลงบนรอยเปื้อนบนผ้าที่เพิ่งเปื้อนจนรอยจางลง จากนั้นนำไปซักในน้ำอุ่นกับสบู่ ถ้ายังไม่ออกให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ด แล้วจึงนำไปซัก

๗. น้ำผลไม้, น้ำมันพืช นำผ้าที่เปื้อนไปขึงให้ตึงบนปากกะละมัง เทน้ำเดือดลงบนรอยเปื้อน แล้วจึงนำผ้าไปซัก

๘. รอยเปื้อนน้ำหมึก ก่อนซักให้นำเกลือป่นโรยตรงรอยเปื้อน แล้วบีบน้ำมะนาวลงไปให้ชุ่ม ผึ่งแดดไว้ครึ่งวัน จึงค่อยนำไปซัก

๙. รอยเปื้อนกาแฟ ใช้แป้งข้าวเจ้าถูบริเวณรอยเปื้อน แล้วจึงนำไปซักตามปกติ

๑๐. รอยเปื้อนน้ำส้มสายชู ผสมแอมโมเนีย ๑ ช้อนชา ในน้ำ ๒ ถ้วย (ครึ่งลิตร) แล้วนำผ้าไปแช่ ๒-๓ นาที ล้างออกแล้วซักตามปกติ

๑๑. รอยเปื้อนช็อกโกแลต รีบนำผ้าที่เปื้อนไปแช่น้ำอุ่นทันทีที่เปื้อน อาจใช้น้ำยาขจัดคราบช่วยด้วย จากนั้นนำไปซักตามปกติ

๑๒. รอยเปื้อนเลือด นำนมข้นหวานทาบริเวณรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วนำไปขยี้น้ำออก

๑๓. รอยเปื้อนคราบเลือดจางๆ ใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนข้น นำไปถูเบาๆ ตรงรอยเปื้อน เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออก

๑๔. รอยเปื้อนคราบเลือดฝังแน่น ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็นที่ผสมเกลือจนชุ่ม ถูเบาๆ จนรอยค่อยๆ จางลง แล้วใช้น้ำเปล่าถูอีกครั้ง สุดท้ายใช้ทิชชู่ซับน้ำให้แห้ง

๑๕. เปื้อนครีม เนย น้ำมัน นำ แป้งฝุ่นทาตัวมาโรย ใช้กระดาษทิชชู่ หรือกระดาษบางอื่นๆ วางทับ นำเตารีดที่ร้อนพอสมควร วางทับบนกระดาษ จนแป้งดูดคราบมันออกหมด จึงนำไปซัก

๑๖. รอยเปื้อนสนิม นำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อนทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงนำไปซักตามปกติ

๑๗. ผ้าขาวที่ออกสีเหลือง ใช้เปลือกไข่ป่นละเอียด ใส่ในกะละมังซักผ้า แช่ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงซักตามปกติ

๑๘. ผ้าขึ้นรา (เล็กน้อย) นำผ้าไปซักในน้ำสบู่ร้อนๆ หรือบีบมะนาวลงไปตรงที่มีราขึ้น แล้วแช่ผ้าไว้ในผงซักฟอกสักครู่ แล้วจึงซักผ้าตามปกติ

๑๙. รอยเปื้อนยาแดง เช็ดรอยเปื้อนด้วยแอมโมเนีย หรือซักด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ

๒๐. รอยเปื้อนยาทาเล็บ ซับที่รอยเปื้อนด้วยน้ำยาล้างเล็บ และเช็ดด้วยผ้าที่สะอาดจนรอยเปื้อนจางลง (ควรลองหยดน้ำยาทาเล็บลงผ้าก่อน)

๒๑. รอยเปื้อนยางกล้วย ใช้มะนาวที่ฝานเป็นชิ้นบางๆ ถูตรงรอยเปื้อนที่เป็นคราบดำแล้วรีบนำมาซักทันที

๒๒. รอยเปื้อนลิปสติก ใช้มันเปลวหมูทาตรงรอยเปื้อน หรือใช้น้ำมันหมูทา แล้วจึงซักในน้ำสบู่ร้อนๆ หรือใช้ผงซักฟอกโรยตรงรอยเปื้อน แล้วขยี้ จากนั้นจึงซักตามปกติใช้วาสลินถูตรงรอยเปื้อน แล้วนำไปซักตามปกตินำผ้าที่เปื้อนไปแช่ในน้ำผสมเกลือทิ้งไว้ ๑ คืน จะทำให้รอยลิปสติกหายไป

๒๓. รอยเปื้อนดินสอ ใช้ยาสีฟันป้ายลงบนรอยดินสอแล้วขยี้

๒๔. รอยเปื้อนปากกาลูกลื่น ใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอยจางลง แล้วจึงนำไปซัก

๒๕. รอยเปื้อนหมากฝรั่ง ขูดยางหมากฝรั่งออกด้วยสันมีด แล้วใช้น้ำแข็งถูเพื่อให้ยางนั้นแข็งตัว แล้วค่อยๆ แกะออก จากนั้นใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ด นำไปซักในน้ำสบู่อ่อน

๒๖. คราบเหงื่อไคล ซักด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย หรือน้ำมะนาวละลายยาแก้ปวด ๒ เม็ดลงในน้ำ แช่ผ้าไว้สักครู่ จึงค่อยซักตามปกติ

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันทหารผ่านศึก



วันทหารผ่านศึก (The Thai Veterans Day) ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เนื่องจากหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือหลัง สงครามมหาเอเซียบูรพา สิ้นสุดลง มีทหารไทยจำนวนมากที่ถูกปลดประจำการ จึงได้มีเสียงเรียกร้องขอให้ทางการพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ทหารเหล่านั้น

ดังนั้น ในปี พ.ศ.2490 กระทรวงกลาโหมอันเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่ กลับจากปฏิบัติการรบ และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบ ต่อมากระทรวงกลาโหมได้เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้ง องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ขึ้น โดยได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาล และได้มีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2491 จึงได้ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก

ในปี พ.ศ.2510 องค์การทหารผ่านศึกได้ปรับเปลี่ยนฐานะมาเป็นองค์การเพื่อการกุศลของรัฐ และเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย โดยได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงกลาโหมและเงินที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นครั้ง คราว

ภารกิจหลักขององค์การทหารผ่านศึก

ภารกิจหลักขององค์การทหารผ่านศึก ได้แก่ การให้การสงเคราะห์แก่ทหารที่ผ่านการปฎิบัติการรบ และครอบครัวของทหารที่ปฏิบัติการรบ ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ประเภท คือ
1. การสงเคราะห์ทางด้านสวัสดิการ เป็นการให้การสงเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไป ที่อยู่อาศัย การศึกษา ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านอวัยวะเทียม
2. การสงเคราะห์ทางด้านอาชีพ โดยการฝึกอบรมและการฝึกอาชีพ ให้ความช่วยเหลือในทางด้านการทำงาน จัดหางานให้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3. การสงเคราะห์ด้านนิคมเกษตรกรรม จัดสรรที่ทำกินในด้านเกษตรกรรมให้ และให้ความช่วยเหลือทางด้านเครื่องมือและวิชาการ
4. การสงเคาระห์ด้านกองทุน โดยการจัดหาเงินทุนให้สมาชิกขององค์การทหารผ่านศึกได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ
5. การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาลให้แก่สมาชิก โดยไม่คิดมูลค่า
6. ให้มีการส่งเสริมสิทธิของทหารผ่านศึก โดยการขอสิทธิพิเศษในด้านต่างๆ ให้แก่ทหารผ่านศึก เช่น การขอลดค่าโดยสาร เป็นต้น

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันนักประดิษฐ์




วันนักประดิษฐ์ ตรงกับวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในการที่ทรงประดิษฐ์คิดค้น "เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอยน้ำ" หรือ "กังหันน้ำชัยพัฒนา" และทรงได้รับทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2536 ซึ่งนอกจากจะเป็นการเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นวันที่ระลึกถึงวันประวัติศาสตร์ของการจดทะเบียนและออกสิทธิบัตรถวาย แด่พระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ทรงคิดค้นสิ่งที่เป็นประโยชน์ สามารถแก้ปัญหาและรักษาสิ่งแวดล้อม อันเป็นแบบฉบับให้นักประดิษฐ์ไทยได้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท สามารถสร้างสรรค์และพัฒนา สิ่งประดิษฐ์อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติสืบไป

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อาหารล้างพิษ 20 ชนิด

1. กล้วย
มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรง แก่กระเพาะอาหารในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ทีจำเป็นแก่ร่างกายเช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลวหรือสารพิษส่วน เกิน ออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเปลวหรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูกทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 2. อัลมอนด์
เป็น ถั่วที่มีใยอาหารสูงมีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกายแม้จะมีไขมันแต่ก็ เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึงควรกิน อัลมอนด์นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย ( Hyperglycemia ) ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออกไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่าไฮโป ไกลซีเมีย ( Hypoglycemia ) จะทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรงคิดอะไรไม่ออก




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 3. แอปเปิ้ล
ประกอบ ไปด้วยเพกตินสูงเพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะ หนักในร่างกายที่ปะปนมากับอาหารเช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมองนี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเปิ้ลเพื่อล้างสารพิษออก จากร่างกายนอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งฆ่าเชื้อ แบคทีเรียและเชื้อไวรัสจากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิ้ลช่วยขับสารเคมีที่ ปนเปื้อนในอาหารซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็กและทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ ได้




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 4. ตำลึง
ผัก ใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้วหาง่าย และราคาไม่แพงนี้ในสมัยก่อนเรามักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใสเนื้อสัตว์น้อย ๆ แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่า แกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบและมีหมูสับเต็มไปหมดซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติ ช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้นนอกจากนี้สาร ที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 5. อะโวคาโด
อาจ ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักแต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาด ทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน ( Glutathione ) ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตันทำให้หลอดเลือดมีความ ยืดหยุ่นทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิดและขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมี และโลหะหนักซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ( University of Michigan ) พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ ได้กินและมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 6. บีตรูต
ผัก สีแดงที่นิยมใส่ในสลัดนี้นับเป็นผักมหัศจรรย์ซึ่งประกอบไปด้วยไพโรเคมีคอล ( Phytochemical ) วิตามินและเกลือแร่หลายชนิดซึ่งทำให้บีตรูตมีคุณสมบัติต่อต้านชื้อโรคทำความ สะอาดเลือดทำความสะอาดตับและระบบน้ำเหลืองอีกทั้งมีคุณสมบัติพิเศษที่ส่ง เสริมให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้นจึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็ว ขึ้นซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าบีตรูตช่วยปรับระดับกรดและด่างใน เลือดให้สมดุลด้วย้




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 7. กะหล่ำ
เต็ม ไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกายทั้งยังช่วยทำความสะอาด ระบบย่อยอาหารรักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆพืช ตระกูลกะหล่ำ ได้แก่กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลีและกะหล่ำปมผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสีย จากสิ่งแวดล้อมเช่น ของเสียจากควันบุหรี่ควันจากท่อไอเสียและช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้ เพียงพอในการกำจัดของเสีย




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 8. บลูเบอร์รี่
เป็น ผลไม้ที่มีค่าแอนติออกซิแดนต์สูงมากชนิดหนึ่ง และถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารรักษาโรคเนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพริน ตามธรรมชาติซึ่งช่วยลดการระคายเคืองสารที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัด ขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ






อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 9. กระเทียม
จาก หลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึงคุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกาย นั่นคือการกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหาร และฆ่าเชื้อไวรัสโดยเฉพาะทำความสะอาดเลือด และทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิตนอกจากนี้ยังต่อต้านการ เกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไปซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มี กลิ่นกระเทียมไปด้วย




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 10. ส้มโอ หรือเกรปฟรุต
เป็น ผลไม้รสชาติดีที่ได้รับความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตก สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุตสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอร อลในเส้นเลือดก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือดนอกจากนี้เพ กตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อร่างกาย ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหาร และมะเร็งตับอ่อนสารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็น อันตรายต่อร่างกาย




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 11. มะเขือพวง
คน ไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหารประเภทผัดเผ็ด แกงป่า แกงกะทิและน้ำพริกสมัยก่อนแกงกะทิเช่นแกงไก่ใส่มะเขือพวงเต็มไปด้วยใส่ไก่ น้อยเน้นการกินมะเขือเป็นหลัก แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้างแกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือและคนก็เลือกกินแต่ ไก่ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อนมะเขือพวง เป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหารโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 12. แครอท
เต็ม ไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน (Alpha and Beta-carotene) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินเอ และถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษใน สิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาทสายตา ผิวหนังที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำและจากการวิจัยพบว่าสารในแครอทช่วยลดการ เกิดมะเร็งและช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจและหัวใจแข็งแรงขึ้น




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 13. ขึ้นฉ่าย
ถือ ได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือดและช่วยลดความดันโลหิตสำหรับผู้ ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำหรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้น จากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้าเพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ในขึ้นฉ่าย ยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็งและสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคน ที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 14. พืชตระกูลถั่ว
เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ ไม่ได้กิน และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วยพืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟ เบอร์สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำ ไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 15. ทับทิม
ตำรา แพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียกล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำทับทิมสามารถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้เนื่องจากในทับทิมมี สารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยาแก้ปวด ช่วยล้าง พิษลดการติดเชื้อของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายและลดอาการอักเสบสำหรับผู้ที่ มีอาการไขข้ออักเสบปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิมเพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูงซึ่ง ช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 16. กระเจี๊ยบ
น้ำ กระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดิน ปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออกหรือมีเลือดปนหรือมี อาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งสารในกระเจี๊ยบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้





อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 17. เมล็ดแฟลกซ์่
ประกอบ ไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นอย่างโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมองช่วยบำรุงความจำและมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับคอ เลสเตอรอลนอกจากนี้ยังมีสารอื่นที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรงขึ้น






อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 18. มะนาว
เป็น สุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูงน้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอน จะช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษใน ลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย





อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 19. หัวหอม
ประกอบ ไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยทำความสะอาดเลือดช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LD ซึ่งไม่ดีเพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจนอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทาง เดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคหอบโรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่




อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค 20. สาหร่าย
เป็น พืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้ามคุณประโยชน์ แต่จากการศึกษาของ Mcgill University ที่ Montreal แสดงผลว่าสาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกายในปัจจุบันเราไม่ สามารถหลีกเลี่ยงรังสีต่างๆจากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้ซึ่งพลังงาน ความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกายก่อให้เกิดมะเร็งได้ซึ่งสาหร่ายจะ ช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้นและสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วยนอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก